จิ ต ศึ ก ษ า พั ฒ น า ปั ญ ญ า ภ า ย ใ น
งอกงามสู่ความไม่มี
ทำไมต้องจิตศึกษา
“จิตศึกษา”
ไม่ได้สร้างให้เด็กเป็นคนพิเศษแต่อย่างใดเพียงแต่ทำให้พวกเขาตระหนักรู้ว่าไม่มีสิ่งใดยั่งยืน
นั่นคือ สัจจะ (Truth)
นั่นคือ Magic
ที่ AI ไม่มีทางเข้าถึง
สนามพลังบวก
(สิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ความสะอาดปลอดภัยทั้งกายใจและจิตวิญญาณ ความมีวิถีอันมีเหตุผลและคงเส้นคงวา)
กระแสเทคโนโลยีเสมือนจริงจะทำให้เราเข้าถึงการเรียนรู้ในสิ่งละเอียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น การเข้าไปมีส่วนร่วมกับปรากฏการณ์ภายในอะตอม การทะลุเข้าไปในชิ้นส่วนสรีระภายในของร่างกาย การสำรวจพื้นผิวดาวที่อยู่ไกลจากโลกอย่างละเอียด ทั้งยังให้เราเข้าไปมีประสบการณ์ร่วมกันในโลกเสมือนผ่านอุปกรณ์ เทคโนโลยี ดิจิทัล แพลตฟอร์มต่างๆ อย่างง่ายดาย น่าตื่นตาเร้าใจได้อย่างไม่มีขอบเขต ได้เข้าไปอยู่ร่วมกันในแดนนฤมิต ได้เข้าชมงานศิลป์เหมือนชมในพิพิธภัณฑ์จริงจากคนละซีกโลก เข้าร่วมคอนเสิร์ตหรืองานสัมมนาระดับโลกได้โดยที่ทุกคนยังอยู่ที่บ้าน หรือ แม้แต่ได้พบประพูดคุยกับคนที่ตายจากไปแล้ว
แต่จะยังไง เรายังเป็นมนุษย์ ที่ยังต้องการอาบแสงอุ่นยามเช้า ยังอยากได้ยินเสียงนกร้องในพุ่มดกหนาของใบไม้ ได้สูดกลิ่นพฤกษาต่างฤดู ได้ชมยอดหญ้าพริ้วไหวในสายลม และได้พูดคุยสนทนากัน ทั้งหมดอยู่ในยีน
ประสบการณ์โลกจริงจากการผสานผัสสะทั้งมวลของเราคือความจริงพื้นฐานที่จะนำเราสู่สัจจะ นี่คือ ศักยภาพความเป็นมนุษย์ ที่เทคโนโลยีทำได้แค่ชดเชยแต่ไม่อาจทดแทนได้
กลับมาสู่ความจริงของเรา สู่ศักยภาพของความเป็นมนุษย์ นี่คือ หน้าที่ของ
กิจกรรมจิตศึกษา
โยคะจิตศึกษา
ในแต่ละวัน การเตรียมเด็กก่อนเรียนนั้นมีความสําคัญไม่น้อยไปกว่าการจัดการเรียนการสอน เพราะเมื่อเด็กพร้อม
เขาจะเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว แนวทางที่โรงเรียนใช้เพื่อเตรียมเด็กก่อนเรียนในแต่ละวันนั้น เราเรียกว่า
“จิตศึกษา” ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ15-20 นาทีก่อนเข้าเรียน กิจกรรมอย่างหนึ่งในหลายๆ อย่างที่เราใช้คือ โยคะ
โยคะ เป็นแนวทางการฝึกควบคุมตัวเองทางด้านร่างกายและจิตใจ เป็นวิธีหนึ่งที่จะทําให้ผู้ฝึกสัมผัสถึง
ความสุข มีสุขภาพแข็งแรง มีบุคลิกภาพที่ดี ควบคุมอารมณ์ได้ดี ประสานกับความเข้าใจในธรรมชาติ
ทําให้มีจิตใจละเอียดอ่อน โดยเฉพาะเริ่มฝึกกับเด็กวัย 3 ขวบขึ้นไป จะได้รับประโยชน์มากเพราะกระดูก
สันหลังของเด็กจะมีความยืดหยุ่น สามารถเคลื่อนไหวข้อต่อได้ง่ายและคล่องแคล่ว
การฝึกจะช่วยคงสภาพการยืดหยุ่นนั้นไว้ พัฒนากล้ามเนื้อของเด็กให้แข็งแรงบริหารต่อมไร้ท่อภายในร่างกายให้หลั่งสารที่จําเป็นออกมาให้ร่างกายทํางานเป็นปกติ สิ่งสําคัญโยคะจะช่วยพัฒนาด้านจิตใจ และอารมณ์ของเด็กให้เด็กได้มีโอกาสอยู่นิ่งๆ กับตัวเอง ได้ฟังเสียงของลมหายใจได้สัมผัสธรรมชาติรอบตัว ได้สํารวจตัวเอง เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะนําไปสู่การทบทวนตัวเอง เพื่อการใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างสมดุล
โดยธรรมชาติของเด็กแล้วจะเรียนรู้และมีความสุขจากการได้เล่น เด็กๆ จะเข้าใจการเล่นบทบาทสมมุติ การสอนท่าโยคะโดยวิธีการแปลงกายเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ จะทําให้เด็กสนุกอยากทําโดยไม่รู้สึกต่อต้าน
ยิ่งสนุกมาก เด็กยิ่งอยากจะคิดท่าแปลกใหม่จากสิ่งที่อยู่รอบตัวส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์ การหายใจอย่างถูกต้องจะทําให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ระบบต่างๆ ภายในร่างกายปรับสู่ภาวะสมดุล เด็กๆ จะรู้สึกผ่อนคลาย คลื่นสมองก็จะลดความเร็วลงสู่ระดับแอลฟา ซึ่งเป็นภาวะของสมองที่ทํางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จิตใจสงบ เกิดสมาธิ มีความละเอียดอ่อน มองโลกในแง่ดี แจ่มใสและกระตือรือร้น
กิจกรรมจิตศึกษา
กำกับสติจิตศึกษา
กิจกรรมกํากับสติเป็นกิจกรรมสําหรับฝึกให้เด็กได้มีความชํานาญในการกลับมารู้ตัวได้เสมอๆ ซึ่งเป็น
เครื่อมือสําคัญที่จะทําให้เด็กได้รู้เท่าทันอารมณ์ และการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในแต่ละขณะ เพื่อจะได้รู้ว่า
ควรหยุดหรือควรดําเนินกิจกรรมนั้นต่อ
การส่งความรู้สึก
เด็กๆ และครูนั่งเป็นวงกลม จับมือคนข้างๆ นั่งหลังตรงเด็กๆ ส่งความรู้สึกที่ดีผ่านมือของเรา ผ่านความรู้สึกที่ดีของเราให้กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เพื่อนที่อยู่ในห้อง คนที่รักเราและคนที่เรารัก ความรักของทุกคนกําลังถูกส่งไปยังทุกสรรพสิ่ง ขอบคุณคนที่น่ารัก ขอบคุณคนที่ตั้งใจส่งความรู้สึกดีๆ ทุกคนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยิ้มอย่างจริงใจให้กับคนที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งสองข้าง แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือคนข้าง ๆ
ส่งมอบความรัก ความปรารถนาดี
ตัวอย่าง ส่งรักด้วยแก้วน้ําเด็กๆ นั่งเป็นวงกลม คุณครูมีแก้วน้ํา 1 ใบ ใส่ความรู้สึกที่ดีและความรักลงไปที่แก้วน้ํา เพื่อที่จะส่งไปให้ทุกคนได้สัมผัสและรับพลังนั้น ก่อนที่จะรับแก้วน้ําต้องไหว้ก่อนทุกครั้งขณะที่ส่งตามองที่แก้วน้ํา คนที่รอช่วยส่งกําลังใจให้กับเพื่อน ๆ ขอสมาธิและขอความเงียบให้กับเพื่อน ๆ ขอบคุณคนที่ส่งกําลังใจและส่งสัญญาณความน่ารัก เราจะสามารถช่วยให้แก้วน้ําไปหาทุกคนได้โดยการส่งกําลังใจและส่งความรู้สึกที่ดี
การต่อ/การสร้างสรรค์จินตนาการผ่านอุปกรณ์
ตัวอย่าง แปลงร่างดอกรักนักเรียนนั่งเป็นวงกลม ครูแนะนําสิ่งของในมือว่าคืออะไรครูส่งตะกร้าที่ใส่ดอกรัก / ไม้ตะเกียบ / อื่นๆ ให้กับเด็ก ก่อนที่จะรับต้องไหว้ทุกครั้ง เด็กๆ หยิบดอกรักตามจํานวนที่ต้องการจากนั้นก็ส่งตะกร้าต่อให้เพื่อน เมื่อทุกคนได้ดอกรักแล้ว ครูก็อาจจะให้เด็กต่อดอกรักเป็นรูปอะไรก็ได้ตามจินตนาการหรือต่อตามคําสั่ง เช่นต่อเป็นเลข 1 ต่อเป็นรูปดอกไม้ ต่อเป็นรูปคน เป็นต้น บางทีอาจจะให้เด็กหันหน้าเข้าหาคู่ นําดอกรักมารวมกัน แล้วช่วยกันต่อเป็นรูปรถ รูปต้นไม้ หรือรูปอะไรก็ได้ตามความชอบ และให้นักเรียนอธิบายสิ่งที่ช่วยกันต่อว่าเป็นรูปอะไร เพราะเหตุใด เป็นต้น
กิจกรรมจิตศึกษา
Brain Gym จิตศึกษา
Brain Gym ไม่ใช่กิจกรรมที่ช่วยลดความถี่ของคลื่นสมองโดยตรง แต่เป็นกิจกรรมที่สามารถปฏิบัติได้เพื่อลดความเครียดของสมอง อีกทั้งยังกระตุ้นการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองได้เป็นอย่างดี
Brain Gym มี 4 แบบ ดังนี้
1. การเคลื่อนไหวสลับข้าง ข้ามเส้นกลางของร่างกาย เป็นกิจกรรมบริหารสมองที่ช่วยฝึกการบริหารสมองทั้งสองซีกให้ช่วยทํางานอย่างกลมกลืน เช่น การกระโดดสลับขา การวาดเลขแปดนอนตะแคงด้วยมือทั้งสองข้าง การวาดภาพหรือลากเส้นขยุกขยิกด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน เป็นต้น
2. การยืดส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทําให้ผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งสมองส่วนหน้าและส่วนหลัง ทําให้มีสมาธิในการเรียนรู้หรือการทํางานมากขึ้น เช่น การเหยียดแขนขาให้ยืดสุดๆ
3. การนวดหรือกดจุดกระตุ้นการทํางาน เป็นการกระตุ้นการทํางานของกระแสประสาทให้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น การนวดที่ขมับการใช้นิ้วเคาะที่กระดูกไหปลาร้า การนวดที่ใบหู
4. ท่าบริหารส่วนต่างๆ ของร่างกาย เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถของร่างกายเพื่อลดความตึงเครียดของร่างกายและสมอง
หนังสือแนะนำ